นิทานพื้นบ้าน เรื่อง นายคดกับนายซื่อ
นิทานพื้นบ้านเรื่องนี้น่าสนใจมากครับลองดูกับเลย …นานมาแล้ว มีชายหนุ่มสองคนที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน เป็นเพื่อนรักกัน และออกไปทำมาหากินต่างบ้านต่างเมืองเหมือนกัน คนหนึ่งไปทำงานเป็นลูกจ้างของพ่อค้ามีชื่อว่า นายคด ผู้มีนิสัยคดโกงไปเสียทุกอย่าง ทั้งโกงตาชั่งและโกงเงิน ส่วนอีกคนหนึ่งไปทำงานเป็นลูกจ้างของเศรษฐีมีชื่อว่า นายซื่อ ผู้มีใจซื่อสัตย์และขยันหมั่นเพียร จนกระทั่งลูกสาวเศรษฐีกับนายซื่อเกิดรักใคร่ชอบพอซึ่งกันและกัน พอเศรษฐีทราบเรื่องจึงคิดลองใจชายหนุ่มว่าจะรักลูกสาวของตนจริงหรือไม่
“เจ้าอยากได้ลูกสาวของข้าไปเป็นคู่ครองใช่หรือไม่” เศรษฐีถาม พร้อมยื่นข้อเสนอให้นายซื่อ “ถ้าเจ้าอยากได้ เจ้าจะต้องฝนทั่งให้เป็นเข็ม”
นายซื่อรักลูกสาวเศรษฐีจึงรับคำอย่างเต็มใจ แล้วเตรียมหาก้อนหินมาไว้หลายๆก้อน จากนั้นจึงเริ่มลงมือฝนแต่ฝนไปได้เพียงนิดเดียว เศรษฐีก็มองเห็นความตั้งใจและความเพียรของชายหนุ่มที่จะต้องประสบความสำเร็จในสักวันหนึ่ง จึงยอมยกลูกสาวให้ ต่อมาไม่นานนายซื่อก็ได้ค้าขายแทนพ่อตาเศรษฐี ในที่สุดก็กลายมาเป็นลูกเขยเศรษฐีผู้ร่ำรวย
ฝ่ายนายคดเมื่อรู้ว่าเพื่อนรักได้ดิบได้ดีกลายเป็นเศรษฐี จึงเดินทางไปพร้อมกับภรรยาเพื่อขอความช่วยเหลือจากนายซื่อ โดยแต่งตัวมอซอใส่เสื้อผ้าที่ปะแล้วปะอีกไปหา ครั้นนายซื่อเห็นเช่นนั้นจึงถามไถ่เพื่อน
“ไปทำอะไรมา ทำไมยากจนอย่างนี้” นายซื่อถาม
“ข้าค้าขายหลายอย่างเหลือเกินแต่ขายอะไรก็ขาดทุน เห็นว่าเพื่อนพอที่จะช่วยเหลือข้าได้ จึงอยากมาขอยืมทุนสักก้อนไปค้าหอมค้ากระเทียม เห็นคนอื่นเค้าขายแล้วได้กำไรกัน” นายคดรำพึงรำพัน
ด้วยความสงสารและเห็นใจในความทุกข์ยากของเพื่อน นายซื่อจึงเอาเงินให้เพื่อนรักยืมไปเป็นทุนขายของจำนวนหนึ่ง แต่พอได้เงินไปแล้วนายคดก็เข้าบ่อนไปเล่นไพ่จนเหลือเงินติดกระเป๋าเพียงเล็กน้อย
วันต่อมานายคดก็ไปบอกนายซื่อว่าทุนที่ให้ยืมไปเมื่อวานนั้นน้อยเกินไป ทำให้ค้าขายได้กำไรน้อย จึงอยากจะขอยืมเงินเพิ่มอีก ซึ่งนายซื่อก็ให้เพื่อนยืมเงินด้วยความเต็มใจ แล้วนายคดก็นำเงินที่ได้มาไปเล่นการพนันจนหมด
เมื่อไม่มีเงินเหลืออยู่เลย ในที่สุดนายคดก็ออกอุบายหลอกเพื่อนรักอีกครั้ง โดยทำเป็นร้องไห้สะอึกสะอื้นไปหาเพื่อน พอนายซื่อเห็นเพื่อนร้องไห้ก็ตกใจ
“เพื่อนรัก เป็นอะไรไปล่ะ ถึงได้ร้องไห้มากมายอย่างนี้” นายซื่อตะโกนถาม
“ข้าไปค้าช้างได้กำไรมามากมาย ขากลับนั่งเกวียนมาตามแม่น้ำปิง มัวแต่ดูน้ำท่วม จึงไม่รู้ว่าเงินตกน้ำไปแล้วฮือๆ ” นายคดคร่ำครวญ
“เงินทองมีเกิดมีดับเป็นเรื่องธรรมดา หาเอาใหม่เถิดอย่าร้องไห้เสียใจไปเลย” นายซื่อพูดปลอบใจเพื่อน
แล้วนายซื่อก็ชักชวนนายคดเพื่อนรักให้ไปค้าขายที่เมืองตักสิลาด้วยกัน โดยจัดเตรียมเสบียงอาหารและสินค้าทั้งหมดใส่ไว้ในสำเภา ซึ่งตลอดเวลาในการเดินทางนายคดก็กินอาหารของนายซื่อจนหมด พอนายซื่อหิวก็มาขออาหารของนายคดกินบ้าง แต่นายคดไม่ให้พร้อมกับพูดว่า
“ถ้าอยากกินอาหารของข้า จะต้องควักลูกตามมาแลกกับอาหาร” นายคดบอก
ฝ่ายนายซื่อหิวจนตาลาย จึงยอมให้นายคดใช้มีดซุยควักลูกตาออกไปทั้งสองข้าง และในขณะที่ถูกควักลูกตา นายซื่อได้แต้พูดปลอบใจตัวเองว่า “พุทโธ ธัมโม สังโฆ” อยู่ตลอดเวลา
เมื่อนายคดควักลูกตาของนายซื่อออกมาทั้งสองข้างแล้ว ก็หลอกให้นายซื่อขึ้นไปบนฝั่งแม่น้ำ บอกว่ามีผลไม้และอาหารอยู่มากมาย แต่จริงๆแล้วในบริเวณนั้นมีเสือสองตัวอาศัยอยู่กับพระฤษีตนหนึ่ง โดยพระฤษีได้สอนเสือว่า
“ถ้าพวกเจ้าพบผู้ใดที่พูดว่า ‘พุทโธ ธัมโม สังโฆ’ ให้อุ้มมาหาข้านะ แต่ถ้าพบผู้ใดด่าพ่อ ด่าแม่ ด่าฟ้า ด่าลม ก็ให้กินคนนั้นเสีย”
ฝ่ายนายซื่อเมื่อขึ้นมาบนฝั่งได้แล้ว ก็พูดแต่คำว่า “พุทโธ ธัมโม สังโฆ” อยู่อย่างนั้น จนเสือได้ยินก็พากันอุ้มไปหาพระฤษีที่อาศรม ครั้นพระฤษีเห็นนายซื่อก็พูดว่า “คนนี้เป็นคนรู้จักบุญคุณพ่อแม่ เป็นคนมีบุญ” พูดจบก็เหาะไปนำแก้วตาทิพย์มาใส่ให้นายซื่อทั้งสองข้าง
เมื่อนายซื่อได้ใส่ตาทิพย์ก็มองเห็นบ้านเมืองของตนเห็นลูกสาวเศรษฐีกำลังตักน้ำ พอหันไปทางเมืองตักสิลาก็เห็นนายคดขายสินค้าอยู่ในตลาดได้กำไรมากมายจึงเดินทางไปหานายคดเพื่อนรักทันที
“คด คดเอ๊ย” นายซื่อร้องเรียก
“ทำไมยังไม่ตายอีกล่ะ” นายคดตกใจ
นายซื่อจึงเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตนให้เพื่อนฟังอย่างละเอียด นายคดได้ยินดังนั้นก็อยากได้ตาทิพย์บ้างจึงขอให้นายซื่อควักลูกตาของตนออกไป ซึ่งขณะที่กำลังควักลูกตาอยู่นั้น นายคดก็ส่งเสียงด่าด้วยคำหยาบคายอยู่ตลอดเวลาทั้งด่าพ่อ ด่าแม่ ด่าฟ้า ด่าฝน จนมานั่งอยู่บนฝั่งแม่น้ำก็ยังร้องด่าไม่หยุด
ครั้นเสือสองตัวได้ยินเสียงร้องด่า ก็รีบวิ่งเข้าไปกัดกินนายคดคนไม่ดีตามคำสั่งสอนของพระฤษีจนเหลือแต่โครงกระดูก ด้วยความแค้นที่คิดว่านายซื่อทำให้นายคดต้องถูกเสือกัดกินโครงกระดูก นายคดก็เฝ้ารอแก้แค้นนายซื่อที่กำลังเดินทางกลับมาจากซื้อสินค้าในเมืองตักสิลา
เมื่อนายซื่อซื้อของเสร็จเรียบร้อยก็เดินตามเพื่อนพอมาถึงบริเวณริมฝั่งแม่น้ำก็ร้องเรียก จนได้ยินเสียงตอบรับแว่วๆมาจากใต้ขอนไม้ ปรากฏว่าเป็นเสียงของนายคดที่เหลือแต่โครงกระดูกพูดกับนายซื่อ
“เพื่อนรัก อยากได้เงินไหมล่ะ ถ้าอยากได้ก็ให้เอาหัวกะโหลกของข้าไปพนันกับเจ้าเมืองสิ บอกว่าเป็นหัวกะโหลกพิเศษที่พูดได้ร้องเพลงได้” หัวกะโหลกนายคดบอก
นายซื่อเชื่อเพื่อน ยอมทำตามข้อเสนอของหัวกะโหลกนายคด โดยนำหัวกะโหลกไปวางไว้บนหัวเรือ แล้วไปท้าพนันกับเจ้าเมืองว่าหัวกะโหลกนี้ร้องเพลงได้ แต่ปรากฏว่าหัวกะโหลกนายคดไม่ยอมร้องเพลงหรือพูดอะไรเลยสักคำ ทำให้นายซื่อเสียทรัพย์สินเงินทองไปทั้งหมด สร้างความเศร้าโศกเสียใจให้กับนายซื่อยิ่งนักที่รู้ว่านายคดไม่ซื่อกับตน
ครั้นพระอินทร์เห็นนายซื่อถูกนายคดกลั่นแกล้งและคดโกงอยู่ตลอดเวลาก็เสด็จลงมาช่วย โดยเนรมิตพระองค์เป็นม้ามาบอกให้นายซื่อนำม้าไปพนันร้องเพลง เพื่อจะได้ทรัพย์สินทั้งหมดกลับคืนมา เมื่อนายซื่อชนะพนันเจ้าเมืองได้ทรัพย์สินเงินทองทั้งหมดกลับคืนมาตามเดิมแล้วก็เดินทางกลับบ้าน เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ภรรยาของตนฟัง
ฝ่ายภรรยารู้เรื่องก็โกรธเคืองนายคดยิ่งนัก จึงนำเอาหัวกะโหลกนายคดเจ้าเล่ห์ไปทุบทิ้งที่นอกเมืองทันที นับตั้งแต่นั้นนายคดก็ไม่สามารถไปคดโกงหรือหลอกลวงผู้ใดได้อีกเลย
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น