นิทานพื้นบ้าน เรื่อง เขาสมิง2
ในดินแดนแห่งหนึ่งอยู่บริเวณเขาที่ทอดตัวเหยียดยาวที่กั้นดินแดนไทยและขอมออกจากกัน มีชายชาวขอมคนหนึ่ง ชื่อ สมิง ได้เรียนวิชาอาคมจนแก่กล้า และเพื่อทดลองวิชาที่ได้เรียนมาจึงเดินทางเข้าไปในป่า จนวันหนึ่งมาพบเข้ากับเสือโคร่งที่กินคนมาแล้วมากมาย อาคมของสมิงใด ๆ ไม่สามารถที่จะสะกดมันได้ จึงเป็นครั้งแรกที่สมิงพ่ายแพ้ แม้จะสูญเสียร่ายกายไปภายใต้คมเขี้ยว แต่วิญญาณอันกล้าแข็งของสมิงทำให้สามารถครอบงำวิญญาณของเสือร้ายตัวนั้นได้ในที่สุด คงความเป็นอมตะอยู่ในร่างกายของเสือตัวนั้น ต้องทุกข์ทรมานอยู่ในป่าลึก จึงเร่ร่อนไปเพื่อหาเพื่อนมนุษย์ แต่ทว่าดังต้องสาป มนุษย์ที่เขาได้พบในป่ากลับถูกเขากินเพื่อประทังความหิว
ในที่สุดสมิงก็ได้เดินทางมาถึงฝั่งน้ำเขียว ที่ฝั่งตรงข้ามเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ มีเทือกสวนไร่นา มีสวนดอกไม้ และมีผู้คนที่เป็นมิตร ตรงกันข้ามกับฝั่งที่สมิงอาศัยอยู่ ซึ่งมีแต่ป่าทึบและเสียงสัตว์กู่ก้องร้องคำรามหาเหยื่อ สมิงจึงเดินทางข้ามเถาสะบ้าที่ทอดตัวข้ามฝั่งคลอง และปรากฏตัวในคืนที่คืนพระจันทร์เต็มดวง ด้วยรูปลักษณ์ของชายหนุ่มรูปงามในชุดสีดำ ถือไต้อันใหญ่ไว้ในมือ พวกชาวบ้านต้อนรับสมิงอย่างอบอุ่นในวงเหล้า และมีคนสังเกตเห็นว่าสมิงวางไต้ที่ดับแล้วไว้ข้างตัวตลอดเวลา แม้ในยามที่ออกไปรำวง เขาก็ไม่ลืมคว้าไต้แล้วขัดไว้ที่ผ้าขาวม้าที่คาดพุงอยู่ ตกดึกทุกคนหลับใหล สมิงจึงได้จากไป ในร่างของชายใส่ชุดดำไร้เงาจากแสงเดือน
สมิงไม่มีเงา เขาต้องถือสิ่งใดสิ่งหนึ่งเสมอเมื่อมาปรากฏตัวที่หมู่บ้าน ในบางครั้งเสียงหัวเราะของเขาดังมากเกินกว่าเสียงคน บางครั้งก็กลิ่นสาบรุนแรงเมื่อเขาขยับตัว สมิงต้องเดินข้ามเถาสะบ้า เขาไม่มีเรือเหมือนคนอื่น และไม่เคยมีใครเคยเห็นบ้านของสมิงที่ฟากโน้น ชาวบ้านทุกคนรับรู้ในความผิดปกติ แต่ทุกคนก็ชอบสมิง
เพราะตั้งแต่ที่สมิงมาที่หมู่บ้านนี้ ได้พืชผลมากกว่าที่เคย บางปีหากมีฝนตกหนักน้ำป่าหลาก สมิงจะเตือนชาวบ้านให้รู้ล่วงหน้า และบางปีหากแล้งสมิงจะบอกให้เตรียมกักเก็บน้ำไว้ให้มากเป็นพิเศษ สมิงห่วงใยชาวบ้านเหมือนเป็นครอบครัวของตน แต่เขากำชับว่าห้ามตัดเถาสะบ้าใหญ่เด็ดขาด ถ้าฝ่าฝืนสมิงจะโกรธมากและจะไม่กลับมา
ในวันหนึ่ง มีเรือสำเภาที่นำสินค้าไปขายที่หมู่บ้านข้างบน เสากระโดงเรือได้ติดเข้ากับเถาสะบ้า คนบนเรือสำเภาจึงช่วยกันตัดเถาสะบ้าจนขาด เพื่อให้เรือสามารถที่จะผ่านไปได้ ในทันที่ที่เถาสะบ้าขาด บรรยากาศรอบข้างได้มืดลงอย่างรวดเร็ว ลมไม่พัดใบไม้ไม่ไหว ทุกสิ่งนิ่งสงัด และแล้วก็มีเสียงคำรามค่อย ๆ ดังขึ้น ๆ พร้อมกับลมที่ก่อตัวแรงขึ้น จนพัดเอาเสากระโดงเรือโอนเอน พัดน้ำในคลองเป็นคลื่นใหญ่จนเรือโคลงเครงอย่างรุนแรง น้ำถูกหอบเป็นคลื่นสูง ซัดสาดลำเรือและผู้คนบนนั้น สายฝนกระหน่ำลงมาอย่างมืดฟ้ามัวดิน เสียงลมฝนและน้ำในลำคลองคำรามก้องท้องทุ่ง
ในเช้าวันรุ่งขึ้น น้ำในคลองนิ่งสนิท ปราสจากร่องรอยพายุร้าย ไม่มีเรือสำเภา ไม่มีซากศพ ไม่มีอะไรแปลกปลอม และไม่มี…สมิง มีแต่เพียงเสียงคำรามต่ำอย่างแผ่วเบาแว่วมาจากป่าฝั่งโน้น ชาวบ้านต่างรักและอาลัย สมิง ชายหนุ่มรูปงามที่ไม่มีเงา ไม่เคยปรากฏตัวในตอนกลางวัน และไร้บ้าน ชาวบ้านจึงช่วยกันสร้างศาลหลังเล็ก ๆ บนตลิ่งสูง และทำพิธีบวงสรวงเชิญวิญญาณสมิงให้สิงสถิตอยู่ ณ ที่แห่งนี้
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น