นิทานพื้นบ้าน เรื่อง ดาวไก่น้อย
พระอาทิตย์ยามเย็นส่องแสงสีเหลืองนวลตาและใกล้ที่จะลับลงหลังภูเขาเต็มที สองผู้เฒ่าตายายกำลังที่จะกลับมาที่กระต๊อบหลังจากหาฝืนในป่า ยายก็มาหุงหาอาหาร ส่วนตานั้นก็ถือขันข้าวเปลือกไปให้อาหารแม่ไก่กับลูกไก่อีก 6 ตัว ที่พาลูกไปท่องเที่ยวในป่าไผ่หลังกระต๊อบทั้งวัน
เมื่อถึงเวลาพลบค่ำตายายก็จุดตะเกียงนั่งกินข้าวอยู่ที่นอกชานซึ่งมีหลังคาคลุมอยู่ มีเสียงร่ำลือกันหนาหูว่ามีพระธุดงค์รูปหนึ่งมาปักกรดหลังหมู่บ้าน ตายายกินข้าวกันไปพลางปรึกษากันไปว่าจะฆ่าแม่ไก่ตัวนี้เสีย เพื่อไปจังหันพระ แม่ไก่ที่กำลังกกลูกนอนอยู่พอได้ยินดังนั้นก็บอกกับลูกๆว่า “ลูกเอ้ย….แม่จะต้องตายแล้ว แม่จะต้องตอบแทนบุญคุณของตาและยายชุบเลี้ยงแม่มาตั้งแต่ยังเป็นลูกเจี๊ยบ” ลูกไก่ทั้ง 6 ได้ยินแม่บอกดังนั้นก็ร้องให้ซบอกแม่แน่นขึ้น แม่ไก่ก็กระซิก สะอื้นพลางสั่งเสียลูกๆทั้ง 6 ต่อไปว่า “ลูกๆทั้ง 6 ต้องรักกัน สามัคคีกัน น้องต้องเชื่อฟังพี่ แม่ตายแล้วก็อย่าพากันออกไปเล่นไกลจากกระท่อม เดี๋ยวจะหลงทางไปได้” นางแม่ไก่ กอดลูกน้อยนอนร้องไห้ทั้งคืน จนหลับไปกลางดึกด้วยความเหนื่อยอ่อน แต่ทว่าคราบน้ำตานั้นก็ยังคงไม่จางหายไปจากตาของแม่ลูก และยังมีลูกไก่บางตัวยังหลับไม่สนิทยังสะอื้นกระซิกๆ ยันสว่าง
บรรยากาศของเช้าวันนี้ ให้ความรู้สึกที่แปลกและเศร้าสลดอย่้า่งมาก แม่ไก่ไม่ได้พาลูกไปออกหากินอย่างเช่นเคย นางยังคงกอดลูกรอคอยความตายอยู่ที่หน้ากระท่อม ถึงแม้นางจะอยากตายเพื่อที่จะตอบแทนบุญคุณตายาย แต่ก็หาได้อยากที่จะจากลูกในอกไปไม่ นางกอดลูกอยู่อย่างนั้น นั่งรอคอยความตายอยู่อย่างน่าสงสาร บางทีอยากที่จะพาลูกหนีไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แต่ก็กลัวว่าลูกจะต้องอยู่กันอย่างลำบากยากเข็น ตากับยายเดินลงมาจากกระท่อมาแล้ว ตายายตรงรี่เข้าไปหาแม่ไก่ในทันที ตามปกติแล้วการจับไก่ที่ไม่ค่อยเชื่องต้องใช้คนหลายคนวิ่งไล่จับกันเป็นพัลวัน พอจนมุมแล้วจึงค่อยก็จับคอแล้วรวบขา แต่แม่ไก่ตัวนี้กลับยอมให้ตาอุ้มไปแต่โดยดี ลูกไก่ได้ออกจากอกแล้ว น้ำตาของทั้งสองฝ่ายต่างไหลออกจากตาอีกครั้งและไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะหยุดไหลได้เสียที ลูกไก่วิ่งตามตามาอย่างสุดฝีเท้าแต่ก็ไม่อาจที่จะห้ามตากับยายได้
แม่ไก่โดนยายถอนขนที่อยู่บริเวณต้นคอของแม่ไก่ นางแม่ไก่ก็ร้องขึ้นด้วยความเจ็บปวด ลูกไก่ก็ได้แต่ร้อง เจี๊ยบๆๆๆ ยิ่งมีกันหลายตัว ก็ยิ่งส่งเสียงหนวกหูคนฟัง แต่ความจริงแล้ว ลูกไก่เหล่านั้นกำลังร้องเรียกหาแม่ของตน บ้างก็ร้องไห้รำพึงรำพันถึงแม่ บางตัวก็ถึงกับต่อว่าด่าตากับยาย แม่ไก่ถูกถอนขนออกไปเกือบถึงครึ่งคอ ตาก็หยิบมีดมา เพื่อจะปาดคอแม่ไก่ให้ตาย แม่ไก่หลับตาแน่น ลูกไก่ยิ่งร้องเจี๊ยบๆๆ ดังขึ้นไปอีก บัดนี้มีดที่ตาหยิบมาได้ปาดเนื้อเข้าที่คอของแม่ไก่เสียแล้ว เลือดกำลังไหลรินออกมาอย่างช้าๆ ยายเอาถ้วยมารองเลือดไว้ ตาใช้มีดปาดไปมาอีกสองสามครั้งเลือดก็ไหลออกมาดังเปิดก๊อกน้ำ บัดนี้แม่ไก่หมดซึ่งเรี่ยวแรงเสียแล้ว และเจ็บปวดทุกข์ทรมานเหลือคณา ลูกตาของแม่ไก่เหลือกขึ้นข้างบนแล้วก็สะอึกสองทีแล้วนางแม่ไก่ก็ตายจริงๆ ลูกไก่ได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดกับตาก็ได้แต่ส่งเสียงร้องเรียกแม่ของตนด้วยความไร้เดียงสา เจี๊ยบๆๆๆ เสียงนี้ดังก้องไปทั่วบริเวณ…
แม่ไก่ตายแล้ว…..แม่ไก่ตายแล้วไม่รู้ว่าลูกจะอยู่อย่างไรต่อไป ไม่รู้ว่าลูกต้องทนทุกข์ทรมานเมื่อขาดแม่ไป ลูกไก่เฝ้าแต่ร้องร่ำไห้เรียกหาแม่อยู่ตลอดเวลา
น้ำร้อนเดือดแล้ว ยายนำร่างของแม่ไก่ไปลวกแล้วจัดการถอนขนออก ในตอนนี้แม่ไก่ไม่รู้หรอกว่า ตอนที่แม่ถูกถอนขน มันเจ็บปวดในหัวใจของผู้เป็นลูกที่เห็นผู้แม่ถูกกระทำเยี่ยงนี้ ใจลูกอยากจะตายแทนแม่เสียเหลือเกิน แม่จ๋า แม่จ๋า แม่อยู่ไหน ลูกจะตายไปกับแม่ แม่รอหนูนะจ๊ะ ไม่ว่าแม่อยู่หนแห่งใด หนูจะตามแม่ไปทุกที่ หนูจะไปเกิดเป็นลูกแม่ทุกชาติ แม้แม่จะเกิดเป็นไส้เดือนกิ้งกือ หนูก็จะไปเกิดในท้องของแม่ แม้แม่จะเกิดเป็นพยาธิหนูก็จะไปเกิดในท้องแม่ ทำไม ทำไมแม่ต้องมาจากหนูไปด้วยเล่า แม่จ๋า แม่จ๋า แม่อยู่ที่ไหน ทำไมแม่ไม่พาหนูไปอยู่กับแม่ด้วย
พอยายถอนขนออกจนเกรียนแล้ว ยายจึงเอาร่างนั้นไปจี่้ไปเพื่อเผาขนอ่อนที่เหลืออยู่ ทันใดนั้นเอง ลูกไก่ทั้งหมดจึงได้ตัดสินใจ กระโดดเข้าไปในกองไฟเพื่อตายไปกับแม่
ด้วยอานิสงส์อันประเสริฐ ทั้งหมดจึงได้กลายไปเป็นดาว
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น