นิทานสอนใจ : หนูนานำโชค
ท่านผู้อ่านคงแปลกใจว่า หนูนานำโชคได้อย่างไร ซึ่งในทางตรงกันข้ามกับจะนำโรคมาสู่มนุษย์ด้วยซ้ำ และยิ่งไปกว่านั้นตัวหนูทั้งหลายล้วนแต่อับโชค เกิดเป็นหนูนาก็ถูกจับเอาไปย่างกิน ถ้าเป็นหนูถีบจักรหรือหนูตะเภาก็ถูกเอาไปเป็นหนูทดลอง ว่าไปแล้วเป็นหนูอะไรก็ไม่ดีทั้งนั้น
แต่หนูตัวที่จะพูดถึงนี้ แม้จะเป็นซากหนูตาย ก็สามารถเป็นสื่อหรือต้นทางแห่งความร่ำรวยได้ แต่ทั้งนี้ไม่ใช่เป็นเพราะหนูตัวดังกล่าวมีอภินิหารที่จะสามารถบันดาลอะไรได้ ความจริงแล้วผู้ที่ร่ำรวยได้เพราะหนูตัวนี้ เขามีคุณสมบัติพิเศษ และแถมยังมีเพื่อนที่ดี ที่นับได้ว่าเป็นกัลยาณมิตรอีกด้วย จึงร่ำรวยได้รวดเร็วและน่าเอาเป็นแบบอย่างยิ่งนัก
ดังนั้น ขอเริ่มเรื่องโดยการกล่าวถึงเศรษฐีแห่งเมืองพาราณสีคนหนึ่ง ชื่อว่า "จุฬกะ" เศรษฐีจุฬกะคนนี้มีความรู้ความสามารถเกี่ยวดินฟ้าอากาศ ฤกษ์ยามและทำนายฝันเหมือนดั่งผู้ที่มีความเชี่ยวชาญยิ่งนัก
วันหนึ่งท่านเศรษฐีคนนี้เดินทางไปยังพระราชสำนักพร้อมด้วยบริวาร ซึ่งเป็นกิจวัตรที่ต้องทำเป็นประจำทุกวันอยู่แล้ว ระหว่างที่เห็นซากหนูตายใหม่ๆ อยู่บนถนนตัวหนึ่ง ท่านจึงตรวจดูฤกษ์ยามของหนูตัวนี้ แล้วกล่าวให้ผู้ร่วมเดินทางฟังว่า "หากผู้ใดเก็บซากหนูตายนี้ไป จะบันดาลให้มีเงินทองเลี้ยงดูครอบครัวให้อยู่อย่างสุขสบาย"
ในกลุ่มผู้ติดตามนี้มีบุรุษเข็ญใจนิรนามคนหนึ่ง ได้ยินคำของท่านเศรษฐี จึงเก็บซากหนูตายไปขายเป็นอาหารแมว ได้เงินมาหนึ่งบาท เขาจึงนำเงินนั้นไปซื้อน้ำอ้อย แล้วนำน้ำอ้อยและน้ำเย็นไปบริการพวกที่กลับจากการเก็บดอกไม้ เขาทำดังนี้ติดต่อกันหลายวัน จนได้ส่วนแบ่งดอกไม้ไปขายได้เงินมากขึ้นเรื่อยๆ
วันหนึ่งเกิดพายุจัด พัดกิ่งไม้หักตกลงมามากมายในพระราชอุทยาน เกินกำลังของคนเฝ้าอุทยานที่จะเก็บให้สะอาดได้ ชายเข็ญใจนิรนามคนนั้นจึงเข้ามาอาสาเก็บกวาด โดยขอกิ่งไม้แห้งเหล่านั้นเป็นสิ่งตอบแทน ซึ่งแน่นอนว่าคนเฝ้าอุทยานย่อมเต็มใจที่จะให้สิ่งของที่ชายคนดังกล่าวร้องขอ
ชายนิรนามคนนั้น เริ่มต้นลงมือทำงานนี้ด้วยการนำน้ำอ้อยและน้ำเย็นไปเลี้ยงเด็กๆ ที่อยู่ในสนามเด็กเล่นในบริเวณใกล้ๆ แล้วขอแรงเด็กๆ เหล่านั้นมาช่วยกันเก็บกวาดกิ่งไม้ จากนั้นก็นำกิ่งไม้ที่เป็นฟืนชั้นดีหอบใหญ่กลับไปที่บ้านของเขาด้วย เขานำฟืนที่ได้ไปขายให้ช่างปั้นหม้อปั้นโอ่ง เพื่อนำไปเผาเครื่องดินที่ปั้นไว้ เขาจึงได้เงินเพิ่มขึ้นอีกจำนวนหนึ่ง และแถมยังได้หม้อและโอ่งน้ำมาอีกด้วย
ชายนิรนามไม่ได้หยุดเพียงเท่านั้น เขานำโอ่งใส่น้ำกินไปตั้งไว้ที่ประตูเมือง เพื่อบริการน้ำให้แก่คนตัดหญ้าที่กลับเข้าเมืองในเวลาเย็น เป็นการผูกมิตรเอาไว้ คนตัดหญ้าทั้งหลายจึงแลเห็นน้ำใจที่งดงามของชายนิรนาม จึงกล่าวว่า "หากชายนิรนามต้องการสิ่งใด ที่พวกตนพอจะช่วยเหลือได้ ทุกคนก็มีความยินดีที่จะช่วยอย่างเต็มที่" ชายนิรนามรับคำสัญญาเอาไว้และดำเนินการค้าต่อไปด้วยการวางแผนอันล้ำลึกยิ่งนัก
แผนการนั้นคือ เขาเข้าไปคบค้าสมาคมกับพ่อค้าทั้งหลายที่ทำการค้าทั้งทางบกและทางน้ำ เขาเต็มใจช่วยเหลือกิจการของพ่อค้าเหล่านั้นอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย วันหนึ่งเขาได้ข่าวจากพ่อค้าทางบกว่าจะมีคนนำม้าจำนวนมากผ่านเข้ามาในเมือง ชายนิรนามจึงขอหญ้าจากคนตัดหญ้า และขอสัญญาว่าถ้าเขาขายหญ้าของเขาหมดแล้ว คนตัดหญ้าจึงจะขายหญ้าได้
เมื่อเป็นเช่นนั้น ชายนิรนามก็ขายหญ้าได้ราคาดีมาก จึงมีเงินทองเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ อย่างไรนั้นโชคของชายนิรนามยังมีอีก เมื่อเขาได้ทราบข่าวว่าจะมีเรือสินค้ามาจอดที่ท่าเมืองนี้เพื่อขายสินค้าจำนวนมาก เขารีบนำเงินไปจ้างบริวารและแต่งกายให้ภูมิฐานนำเงินจำนวนหนึ่งไปวางมัดจำสินค้าที่นำมาทางเรือ ด้วยวิธีนี้คนทั้งหลายต้องมาซื้อสินค้าต่อจากชายนิรนามทั้งหมด เขาจึงทำเงินกำไรได้อย่างมหาศาล
เงินที่เขามีทั้งหมดประมาณสองแสนบาท ยังไม่สามารถทำให้เขาเป็นเศรษฐีแห่งเมืองพาราณสีได้ แต่เขาก็ไม่ได้ทะเยอทะยาน โลภมากคิดว่าพอมี พอใช้เลี้ยงตัวได้แล้ว จึงนึกถึงพระคุณของท่านเศรษฐีจุฬกะ ยอดกัลยาณมิตรผู้ชี้ทางแก่เขา เขาจึงนำเงินที่หามาได้ครึ่งหนึ่งไปทดแทนพระคุณของท่านเศรษฐีจุฬกะ ทำให้เศรษฐีจุฬกะผู้มีสายตากว้างไกล และเห็นว่าชายนิรนามคนนี้มีความขยันหมั่นเพียรและเฉลียวฉลาด อีกทั้งความกตัญญูรู้คุณคนอีกด้วย จึงยกลูกสาวให้เป็นภรรยา ดังนั้นชายนิรนามจึงได้ดำรงตำแหน่งเศรษฐีแห่งเมืองพาราณสีคนใหม่แทนเศรษฐีจุฬกะ ซึ่งถึงแก่กรรมในเวลาต่อมา
ท่านผู้อ่านคงเห็นกันแล้วว่า หนูบันดาลโชคให้แก้ชายนิรนามได้ ก็เพราะชายนิรนามคนนี้มีคุณสมบัติแห่งความขยันหมั่นเพียร ใช้สติปัญญาไตร่ตรองหาลู่ทางการค้าอย่างสุจริต แถมยังโชคดีที่ได้คบหาสมาคมกับผู้ที่มีน้ำใจและรู้คุณคน รวมทั้งตัวเขาเองก็เป็นผู้ที่มีความกตัญญูยิ่งนัก จึงสามารถประสบความสำเร็จได้อย่างไม่ยาก
ได้อ่านเรื่องนี้แล้ว ท่านผู้อ่านก็สามารถใช้แนวทางของ"ชายนิรนาม" ไปปฏิบัติในชีวิตประจำวันได้ แต่อย่าลืมว่าต้องรู้จักคบหาแต่คนดีมีน้ำใจ และเป็นผู้ให้ก่อนเสมอ จึงจะสมหวังดั่งชายนิรนามคนนี้
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น