นิทานสอนใจ : กงจักรหรือดอกบัว
สำหรับท่านที่ได้อ่านเรื่องราวต้นแบบความดีของชาวโลกอย่างพระราหุลที่แสดงความกตัญญูต่อพระมารดา ที่ทีมงาน Life & Family ได้นำมาเสนอเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาแล้วคงจะได้เรียนรู้และซึมซับเรื่องการทำความดีอยู่ไม่น้อย
แต่ว่าสิ่งใดๆ ในโลกนี้มักจะมีของคู่กัน ทั้งคู่ที่เป็นแบบไปกันได้ดี และคู่แบบตรงกันข้าม ซึ่งอย่างหลังมีอยู่มากมาย เช่น ความมืดกับความสว่าง สีขาวกับสีดำ ความดีกับความชั่ว เป็นต้น ฉันใดฉันนั้นแล้ว เมื่อมีความกตัญญูในโลกมานาน ความอกตัญญูก็ปรากฎอยู่คู่กันมาแฉกเช่นกัน ฉะนั้นลองอ่านเรื่องราวของผู้ที่มีชื่อว่า "มิตตวินทุก" ที่เกิดเมื่อหลายพันปีก่อนดูกันบ้าง
มิตตวินทุกเกิดมาโชคดี มีมารดาคอยเลี้ยงดูมาด้วยความรักและความห่วงใย เป็นอย่างยิ่ง แต่มิตตวินทุกไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองโชคดีเลยแม้แต่น้อย เมื่อเติบโตขึ้นเป็นหนุ่มฉกรรจ์เขาคิดจะลงเรือค้าขายไปเมืองไกล มารดาของเขาห้ามปรามไว้ ด้วยความกลัวว่าลูกจะเกิดอันตราย แต่เขาไม่ได้เชื่อฟังคำร้องขอเหล่านั้น กลับดึงดันจะไปให้ได้ มารดาของเขาจึงยื้อยึดตัวเขาเอาไว้ด้วยความรักและห่วงใยลูก แต่เขากลับผลักไสจนทำให้นางต้องได้รับบาดเจ็บทุกข์ทรมาน จากนั้นเขาก็ออกเดินทางไปอย่างไม่เหลียวแลมารดาแม้แต่น้อย
มิตตวินทุกออกเดินทางไปในเรือสำเภาออกทะเลสมดังความมุ่งหมาย เรือสำเภาที่เขาโดยสารมาด้วยแล่นออกสู่ทะเลเรื่อยๆ สักระยะหนึ่งแล้วกลับหยุดนิ่งสนิทอยู่กลางทะเลลึก ซึ่งในสมัยโบราณเมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นก็จะเป็นที่รู้กันดีว่า มีคนชั่วช้า สารเลว หรือเรียกกันทั่วไปว่า "คนกาลกิณี" โดยสารมาในเรือลำนี้ด้วย นายสำเภาจึงทำสลากขึ้นให้ผู้โดยสารจับเพื่อหาตัวกาลกิณีในเรือนั้น และน่าประหลาดใจที่สลากแสดงความเป็นคนไม่ดีตกแก่มิตตวินทุกถึง 3 ครั้ง นายสำเภาจึงตัดสินใจจับเขาลอยแพไป
หลังจากนั้น แพของมิตตวินทุกก็ลอยไปถึงสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งเจ้าของที่แห่งนั้นเป็นหญิงสาวที่งดงามมาก นางรับเขาไว้เป็นสามีและดูแลเขาเป็นอย่างดี แต่ต่อมานางจำเป็นจะต้องจากที่อยู่ไประยะหนึ่ง จึงสั่งให้เขาคอยนางอยู่ ณ ที่นั้นจนกว่านางจะกลับมา แต่มิตตวินทุกไม่ได้รู้ซึ้งในความโชคดีของนางผู้เป็นภรรยาเลย จึงเดินทางต่อไปเรื่อยๆ จนไปถึงเกาะแห่งหนึ่ง
มิตตวินทุกเห็นคนในเกาะนั้นล้วนแต่มีเครื่องประดับกายงดงาม โดยเฉพาะบนศีรษะของทุกคนซึ่งมีมงกุฎดอกบัวประดับอยู่ มิตตวินทุกเห็นเป็นเช่นนั้นเกิดความอยากได้ เขาจึงร้องขอมงกุฏจากชายคนหนึ่ง และหารู้ไม่ว่าชายคนนั้นกำลังจะพ้นจากอกุศลกรรมที่เคยทำร้ายมารดาไว้ในชาติก่อน ชายคนดังกล่าวจึงถอดสิ่งที่เห็นเป็นมงกุฎนั้นแล้วสวมให้มิตตวินทุกแทน ทันใดนั้นสิ่งที่สวมลงบนศีรษะของมิตตวินทุก ก็ทำให้ตาของเขาพลันสว่างขึ้น และเห็นแจ้งในทุกอย่างว่า ทุกคนที่อยู่ในที่นั้นล้วนเป็นอมนุษย์ที่ตายแล้วต้องมารับกรรม และถูกกงจักรบนศีรษะพัดให้บาดเจ็บทุรนทุราย จนเลือดไหลท่วมตัวอยู่ตลอดเวลาจากผลกรรมที่เคยทำร้ายมารดา
และในที่สุด มิตตวินทุกผู้ไม่รู้จักคุณค่าของความโชคดีของตนเองก็ต้องรับกรรม ทุกข์ทรมานจากกงจักรที่บาดศีรษะของเขาเช่นเดียวกับอมนุษย์ตนอื่นๆ ท่านทั้งหลายอ่านแล้วก็ต้องร้องอ๋อ ว่าที่มาของคำพังเพย "เห็นกงจักรเป็นดอกบัว" มีความหมายเป็นเช่นนี้เอง ซึ่งความหมายของคำพังเพยนี้ก็คือ "เห็นของเลวร้ายเป็นของดี"มาถึงสมัยนี้ อาจจะเคยเห็นตัวอย่างกลับกันอยู่บ่อยๆ คือแทนที่จะเห็นกงจักรเป็นดอกบัว ก็จะ "เห็นดอกบัวเป็นกงจักร"
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น