นิทานสอนใจ : วัวขาวหางดำ
วัวตัวหนึ่งมีสีขาวทั้งตัว แต่มีสีดำติดอยู่ตรงปลายหางนิดหนึ่ง ควายอีกตัวมีสีดำทั้งตัว ทั้งวัวและควายสองตัวนี้ ต่างก็อยู่ในคอกเดียวกันและเป็นเพื่อนรักกันมานาน
วันหนึ่งควายพูดกับวัวว่า...
“นี่ วัวจ๋า ฉันมีเรื่องอยากบอกเธอมานานแล้วล่ะ แต่กลัวเธอจะว่าเอา”
วัวบอกควาย ว่า “มีอะไรหรือควาย เราเป็นเพื่อนกันนะ เพราะฉะนั้นพูดมาได้เลยจ๊ะ”
ควายจึงโล่งใจ และพูดขึ้นว่า “นี่แน่ะวัว ตัวเธอน่ะมีสีขาวสวยงามมากจริงๆ นะ สวยกว่าวัวทุกตัวที่ฉันเคยเห็นเลยล่ะ เสียอยู่หน่อยหนึ่งเท่านั้นเอง
“อะไรหรือ” วัวถาม
“ก็ปลายหางของเธอน่ะดำปี๋เลย ดูแล้วไม่สวย เธอไม่น่าจะมีสีดำตรงนั้นเลยนะ”
วัวบอกควาย ว่า “ก็จะให้ทำอย่างไรล่ะจ๊ะควาย สีดำตรงนั้นมันติดตัวฉันมาตั้งแต่เกิดแล้วนี่นา”
“ก็นั่นน่ะสิ ไม่รู้จะมีมาทำไมนะ ทำให้เธอเป็นวัวที่มีตำหนิ ไม่สวยเลยล่ะ”
ควายยังแสดงความคิดเห็นต่อ ส่วนวัวไม่ได้พูดอะไรอีก มันก้มลงเล็มหญ้า
หลังจากวันนั้น ควายก็ยกเอาเรื่องปลายหางสีดำของวัวขึ้นมาพูดทุกวัน
“สีดำตรงปลายหางเธอนี่ไม่สวยเลยนะ”
“ดูกี่ทีๆ ก็เหมือนมีรอยตำหนิล่ะ”
“ถ้าเธอไม่มีรอยดำตรงปลายหาง เธอต้องสวยกว่านี้แน่”
“สีดำนั้นดำมากเลยนะ เธอไม่น่ามีมันเลยล่ะ”
ในที่สุดวัวก็ทนไม่ไหว พูดกับควายว่า
“พอที ทำไมเธอต้องมามองแต่จุดดำของฉัน ไม่สังเกตบ้างหรือไงว่า เธอน่ะดำหมดทั้งตัวเลย”
บทสรุปของผู้แต่ง
คนเราหลายๆ คนก็มักเป็นอย่างควายในเรื่องนี้ คือ มองเห็นแต่จุดดำ หรือข้อผิดพลาดของคนอื่นมากกว่าจุดดีๆ หรือสิ่งดีๆ ในตัวเขา ที่แย่กว่านั้น คนแบบนี้มักจะไม่ค่อยย้อนมองดูตัวเอง จึงไม่รู้ว่าตัวเองมีส่วนที่เป็นสีดำมากกว่า และแย่กว่าจุดดำเล็กๆ ที่คนอื่นมีเสียอีก
คนเรานั้นไม่มีใครดีพร้อมหรอก ทุกคนต่างก็มีจุดบกพร่องและเรื่องไม่ดีเล็กๆ น้อยๆ แซมอยู่ในตัวเอง ไม่เว้นแม้แต่ตัวเรา ถ้าเขาเป็นคนดี การคบเขาก็เป็นเรื่องที่ถูกที่ควรแล้ว ส่วนข้อบกพร่องเล็กๆ น้อยๆ นั้น เมื่อสนิทชิดเชื้อพอที่จะเตือนกันได้ ก็ค่อยเตือนเขาให้ปรับปรุง ซึ่งถือเป็นหน้าที่หนึ่งของเพื่อนแท้
ดังนั้น จำไว้ว่า อย่าเพิ่งประเมินใครในแง่ร้ายจนกว่าจะได้รู้จักคนๆ นั้นจริงๆ เพราะอาจจะเสียโอกาสที่จะได้รู้จักคนดีที่สุดในชีวิตไปเลยก็ได้ ซึ่งเราก็รู้กันดีอยู่แล้วว่า ในชีวิตของเรา จะมีโอกาสเจอคนดีๆ อย่างนั้นได้สักกี่ครั้งกันเชียว
///////////////
ขอขอบคุณสำนักพิมพ์ฟรีมายด์ ที่เอื้อเฟื้อนิทานสอนใจดีๆ ในชุดหนังสือนิทานสีขาวของ ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยครับ
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น