นิทานสอนใจ : “ริโอ” นักปราชญ์แห่งกษัตริย์บาโจ

นิทานสอนใจ : “ริโอ” นักปราชญ์แห่งกษัตริย์บาโจ


กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีพระราชาพระองค์หนึ่งนามว่า “บาโจ” พระราชาบาโจทรงเป็นกษัตริย์ที่มีคุณธรรม และดูแลพสกนิกรของพระองค์เป็นอย่างดี แต่กระนั้น พระองค์ก็ยังมีข้อเสีย คือ ทรงติดการพนันมาก ถึงขนาดทรงสร้างบ่อนการพนันส่วนพระองค์ขึ้นเลยทีเดียว

ต่อมาพระราชาบาโจ ได้พบกับ “ริโอ” นักปราชญ์หนุ่มผู้มีความเฉลียวฉลาด แต่อ่อนน้อมถ่อมตน พระราชาบาโจรูสึกประทับใจในอัธยาศัยของเด็กผู้นี้จึงรับสั่งให้ริโอเข้าวังและรับตำแหน่งนักปราชญ์ที่ปรึกษาส่วนพระองค์

เพียงไม่นาน ริโอก็รู้ว่าพระราชาบาโจ ติดการพนันอย่างมาก ซึ่งเป็นนิสัยที่ผู้เป็นถึงเจ้าแผ่นดินไม่ควรมี และอาจนำไปสู่วิกฤตบางประการในอนาคต ริโออยากเตือนให้พระราชาทรงเลิกเล่นการพนัน แต่ก็รู้ด้วยปัญญาว่า ปัญหานี้คงไม่อาจแก้ไขได้ด้วยคำพูด เขาจึงครุ่นคิดหาวิธีแก้ปัญหาอยู่หลายวัน

วันหนึ่งพระราชาบาโจเสด็จไปยังบ่อนการพนันส่วนพระองค์กับเหล่าองครักษ์ วันนี้เป็นวันที่ผู้คนพากันมาที่บ่อนแห่งนี้มากเป็นพิเศษ ในขณะที่พระราชาบาโจเสด็จทอดพระเนตรตามโต๊ะพนันต่างๆ และกำลังตัดสินพระทัยว่าจะทรงเข้าไปเล่นการพนันชนิดใดโต๊ะไหนดี ในตอนนั้นเองพระองค์ก็สังเกตเห็นนักบวชเครางามท่านหนึ่งยืนด่อมๆ มองๆ อยู่ที่โต๊ะพนันโต๊ะหนึ่ง พระราชาบาโจรู้สึกขัดสายพระเนตรเป็นอย่างมาก ที่เห็นนักบวชเข้ามาอยู่ในที่อโคจรเช่นนี้ จึงรับสั่งให้องครักษ์ไปตามนักบวชผู้นั้นเข้ามาหาพระองค์ และทรงตรัสถามเชิงตำหนิว่า

“ท่านนักบวช ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร เหตุใดไม่ไปทำบำเพ็ญศีลอยู่ในที่ทางของท่าน มาอยู่ในบ่อนการพนันแบบนี้มันน่าดูนักหรือ”

“อ้าว” นักบวชเครางามร้องด้วยความแปลกใจ “หม่อมฉันมาที่แบบนี้ไม่ได้หรอกรึ”

“ก็ไม่ได้น่ะสิ” พระราชาบาโจทรงกริ้ว “เป็นนักบวชก็ต้องรักษาศีลธรรม เพื่อเป็นตัวอย่างที่ดี แต่ถ้าท่านมาที่นี่ชาวบ้านเห็นเข้าก็จะเสื่อมศรัทธา สอนอะไรไปก็ไม่มีใครเขาเชื่อ” แล้วพระราชาบาโจก็ทรงสังเกตเห็นพวงเนื้อเค็ม และขวดเหล้าที่เหน็บอยู่ข้างๆ เอวของนักบวชคนดังกล่าว

“ชะ..ช้า นี่ท่านกินเนื้อสัตว์ด้วยเรอะ แล้วยังเหล้าราคาแพงนั่นอีก เป็นนักบวชกินของพวกนั้นได้ที่ไหนกัน”

“ก็มันอร่อย” นักบวชเครางามบอกอย่างไม่สะทกสะท้าน “อะไรอร่อย หม่อมฉันก็ชอบหมด ทีนี้ก็เลยกินได้สบายๆ ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไร”

“แต่มันไม่ควร” พระราชาบาโจทรงแผดเสียงลั่น “ข้าแน่ใจว่าไม่มีชาวบ้านคนไหนมอบของเช่นนั้นแก่นักบวชแน่ แล้วท่านเองก็ไม่ได้ประกอบอาชีพอะไร เหตุใดจึงมีของดีราคาแพงๆ เช่นนั้นอยู่ในมือได้”

นักบวชเครางามลูบเคราเล่นพลางหัวเราะอย่างอารมณ์ดี “เงินน่ะ หาได้ไม่ยากหรอก หม่อมฉันก็แค่เข้ามาเล่นการพนันในบ่อนของพระองค์ วันไหนชนะ หม่อมฉันก็เอาเงินที่ได้ไปซื้อของพวกนี้กิน ก็แค่นั้นเอง”

“แต่นักบวชไม่กินเนื้อสัตว์ ไม่ดื่มเหล้า และห้ามเล่นการพนัน”

“ทำไมล่ะฝ่าบาท” นักบวชเครางามถาม

“ก็เพราะมันเป็นเรื่องที่ไม่ดีน่ะสิ” พระราชาบาโจทรงตวาดอย่างเหลืออด แต่นักบวชเครางามกลับหัวเราะ

“อะไรกัน ถ้าเป็นเรื่องที่ไม่ดีจริงๆ เหตุใดพระองค์จึงทรงทำได้ล่ะ ในเมื่อพระองค์ทรงเป็นถึงกษัตริย์ และทรงยิ่งใหญ่กว่าหม่อมฉันเสียอีก”

คำพูดของนักบวชเครางามเปลี่ยนเป็นหอกแหลมได้อย่างไรก็ไม่รู้ พระราชาบาโจรู้สึกเจ็บเสียดพระทัยจนพูดอะไรไม่ออก นอกจากรับสั่งให้ทหารองครักษ์พาพระองค์กลับวังทันที

“ใครก็ได้ไปเรียกตัวริโอมาที” พระราชาบาโจทรงรับสั่งหานักปราชญ์ของพระองค์ทันที เมื่อเสด็จถึงพระราชวัง พระองค์ต้องการทราบว่า นักบวชที่ทำตัวเช่นนั้นมีความผิดหรือไม่ และเหตุใดคำพูดของเขาจึงทำให้พระองค์รู้สึกเจ็บปวดพระทัยได้ถึงเพียงนี้

“ฝ่าบาท” ริโอเดินเข้ามาทั้งๆ ที่ยังติดหนวดเคราและอยู่ในชุดนักบวช พระราชาบาโจเห็นดังนั้นก็ทรงจำได้ทันทีว่า นั่นคือ นักบวชเครางามที่ทรงพบในบ่อนการพนันเมื่อครู่

“ริโอ เจ้าเล่นตลกอะไรกัน ปลอมเป็นนักบวชหลอกข้าทำไม ทำอย่างนี้จะต้องถูกตัดหัวรู้ไหม” พระราชาบาโจทรงพิโรธมาก พระพักตร์แดงก่ำดุดันดูน่ากลัว

“หม่อมฉันยินดีรับผิด แต่ขอได้อธิบายบางเรื่องแก่พระองค์เสียก่อน” ริโอทูลขอ

“ยังมีหน้ามาขออีก ถ้าคำแก้ตัวของเจ้าไม่ดีพอ ข้าจะตัดหัวพ่อแม่ของเจ้าด้วย”

“ฝ่าบาท ที่หม่อมฉันทำทั้งหมด เพราะหวังดีต่อพระองค์ พระองค์ก็ทรงเห็นแล้วว่า หากนักบวชกินเนื้อสัตว์ ดื่มเหล้า เล่นการพนัน ถือว่าเป็นเรื่องเสียหายมาก”

“ก็ใช่ แล้วไง”

“แต่ถ้าผู้เป็นกษัตริย์ทำตัวเช่นนั้นบ้างยิ่งแย่กว่า เพราะประชาชนย่อมยึดถือพระราชาของพวกเขาเป็นแบบอย่าง สุดท้ายอาณาจักรนั้นก็จะพังพินาศ ทรงคิดดูสิพระเจ้าค่ะ ทุกวันนี้ประชาชนเข้าไปเล่นการพนันในบ่อนของพระองค์มากมายแค่ไหน คนเหล่านี้ไม่ทำงานการอะไรนอกจากเข้าไปหาเงินในบ่อน และติดนิสัยขี้เกียจสุรุ่ยสุร่าย ไม่รับผิดชอบต่อครอบครัว แล้วต่อไปบ้านเมืองของเราจะเหลืออะไร ไม่ต้องขายแผ่นดินของเราให้แก่อาณาจักรอื่นหรอกหรือ”

พูดจบริโอก็ก้มกราบพระบาทของพระราชาบาโจ และขอพระราชทานอภัยโทษที่ได้ล่วงเกินพระองค์ ตอนนี้พระราชาบาโจทรงเข้าใจจุดประสงค์ของริโอและทรงคิดได้แล้ว ดังนั้น พระองค์จึงไม่ถือโทษริโออีกต่อไป ซ้ำยังก้มลงสวมกอดริโอและกล่าวขอบคุณเขาที่ช่วยเตือนสติ

หลังจากนั้น อาณาจักรของพระราชาบาโจทรงออกกฎหมายห้ามเล่นการพนัน และบ่อนส่วนพระองค์แห่งนั้นก็ถูกดัดแปลงเสียใหม่ให้กลายเป็นสถานที่อบรมศีลธรรมแก่เด็กๆ ชาวบ้านแทน ตามคำแนะนำของริโอ นักปราชญ์แห่งกษัตริย์บาโจ

บทสรุปของผู้แต่ง

จงดูตนเองให้ดีว่าเราอยู่ในฐานะอะไร และสิ่งที่ปฏิบัติอยู่ในทุกวันนี้ เป็นเรื่องที่เหมาะสมแก่ฐานะของเราหรือไม่ โดยเฉพาะถ้าอยู่ในที่ที่คนอื่นสังเกตเห็นอยู่ตลอดเวลา หรืออยู่ในฐานะที่อาจจะสร้างแบบอย่างให้แก่คนอีกกลุ่มหนึ่ง เราก็ต้องคำนึงเรื่องการปฏิบัติตนให้มาก เพราะการกระทำของเราย่อมถ่ายทอดความดีเลวให้คนอีกกลุ่มหนึ่งได้ และนั่นก็จะกลายเป็นสภาพแวดล้อมในสังคมที่เราต้องอาศัยร่วมไปในที่สุด

คนเป็นหัวหน้าควบคุมงาน อยากได้ความขยันจากลูกน้อง แต่ตนเองมักจะหลบงานไปนอนงีบอยู่บ่อยๆ ไม่นานองค์กรนั้นก็จะมีแต่คนขี้เกียจ งานไม่เดินหน้า และพบความล่มจม

พ่อแม่ก็ควรเป็นแบบอย่างที่ดีต่อลูก อยากให้ลูกพูดจาไพเราะเพื่อเป็นเด็กน่ารักที่ใคร ๆ ก็พากันชื่นชม แต่พอทะเลาะกับเพื่อนบ้านกลับใช้ถ้อยคำหยาบคายที่ฟังแล้วแสนระคายหู อย่างนี้คิดว่าลูกจะไม่นำไปใช้กับเพื่อนๆ ของเขาบ้างหรือ

แบบอย่างนั้นเป็นเรื่องสำคัญ ยิ่งเราอยู่ในฐานะต้นแบบ เรายิ่งต้องระลึกถึงการกระทำของเราให้มาก เพราะการปฏิบัติตัวของเราไม่ได้มีผลเฉพาะตัวเราเท่านั้น แต่ยังส่งผลถึงการกระทำของคนอื่นและอนาคตดีๆ ในภายภาคหน้าอีกด้วย


ขอขอบคุณสำนักพิมพ์ฟรีมายด์ที่เอื้อเฟื้อนิทานสอนใจดีๆ ในชุดหนังสือนิทานสีขาวของ ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยครับ

yengo หรือ buzzcity

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น