นิทานสอนใจ : ของขวัญแด่ "พระราชา"

นิทานสอนใจ : ของขวัญแด่ "พระราชา"


นานมาแล้วมีพระราชาพระองค์หนึ่ง ในพระทัยของพระองค์เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก และความเมตตา ประชาชนจึงเคารพเทิดทูนพระองค์มากถึงขนาดช่วยกันแต่งเพลงสรรเสริญพระเกียรติขึ้น และขับขานเพลงนี้แด่พระองค์ถึงสามเวลา คือ เช้า กลางวัน และเย็น

เพลงสรรเสริญนี้ได้ยินไปถึงฤาษีที่บำเพ็ญตบะแก่กล้าอยู่ในป่าลึก ฤาษีสงสัยว่าพระราชาพระองค์นี้จะดีเลิศดั่งบทเพลงที่ตนได้ยินจริงหรือไม่ จึงเดินทางมาหาพระราชา และบอกว่าจะมอบของขวัญที่วิเศษที่สุดให้แก่พระองค์

"เหตุใดท่านจึงลำบากนำของขวัญมามอบให้กับเราด้วยเล่า" พระราชาตรัสถามฤาษีด้วยความแปลกใจ ฤาษีตอบว่า

"เพราะพระองค์คือราชาผู้เป็นที่รักของปวงชน หม่อมฉันจึงอยากตอบแทนพระองค์ที่ทำให้ประชาชนในแผ่นดินของพระองค์มีความสุข ซึ่งมิใช่ว่าพระราชาทุกพระองค์จะทำได้"

กล่าวจบ ฤาษีก็ว่ามนต์คาถาแล้วเสกดาบล้อมพลอยเล่มหนึ่งออกมา

"ด้วยดาบนี้" ฤาษีพูด "พระองค์จะมีพละกำลังมากมาย และสามารถเอาชนะคนทั้งโลกได้"

พระราชาทรงมองดาบเล่มนั้นแค่วูบหนึ่ง แล้วตรัสแก่ฤาษีว่า "ขอบคุณท่านฤาษี แต่ดาบนี้คงไม่เป็นประโยชน์อันใดกับเราดอก เพราะเราไม่ปรารถนาที่จะทำสงครามแม้แต่น้อย"

"แต่สงครามที่ชนะจะทำให้พระองค์ขยายอาณาเขตออกไปได้กว้างไกล และพระนามของพระองค์จะกระเดื่องเลื่องลือไปทั่วสารทิศ" ฤาษีกล่าวแนะ

"แต่สงครามก็ทำให้เกิดความสูญเสียทุกหย่อมหญ้าเช่นกัน" พระราชาทรงแย้งและกล่าวต่อว่า

"สงครามยังทำให้เด็กจำนวนมากต้องกำพร้า ทำให้ภรรยาผู้ซื่อสัตย์เป็นหม้าย ทำให้คนแก่เฒ่าขาดลูกหลานดูแลในบั้นปลาย เราไม่อยากให้ประชาชนของเราหลั่งน้ำตา และเป็นทุกข์เพราะสงคราม ดังนั้นเราจะไม่มีวันทำสงครามกับบ้านเมืองอื่นเพียงเพราะต้องการขยายอาณาเขตซึ่งเราเองก็มีพอแล้ว หรือให้ใคร ๆ มาพูดเยินยอเราด้วยเรื่องนี้ดอก"

ฤาษีฟังแล้วรู้สึกชื่นชมพระราชามาก จึงกล่าวต่อไปว่า

"พระองค์คือพระราชาผู้มีหัวใจประเสริฐโดยแท้ ถ้าอย่างนั้นหม่อมฉันจะขอมอบเพชรพลอยให้แก่พระองค์แทนก็แล้วกัน"

โดยไม่ต้องคิด พระราชาทรงปฏิเสธอีกครั้ง "เรามีของพวกนั้นแล้วล่ะท่านฤาษี คงไม่ต้องการมันจากท่านอีกดอก"

"แต่ที่พระองค์มีอยู่มันน้อยเกินไปเมื่อเทียบกับพระราชาของบ้านเมืองอื่น ทรงรับเพชรพลอยของหม่อมฉันไปเถิด แล้วพระองค์จะเป็นพระราชาที่ร่ำรวยที่สุดในโลก เมื่อพระองค์อยากจะได้อะไรก็ใช้เพชรพลอยเหล่านี้ซื้อหามาได้หมดแม้แต่ข้าทาสบริวาร" ฤาษีกล่าว แต่พระราชาตรัสว่า

"เราอาจจะมีน้อยเมื่อเทียบกับคนอื่น แต่เรามีมากพอแล้วสำหรับตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเงินทอง สิ่งของ หรือแม้แต่ข้าทาสบริวารก็ตาม ดังนั้นท่านจงเก็บเพชรพลอยของท่านไปเถิด เพราะเราไม่อยากร่ำรวยหรืออยากมีอะไรเพิ่มขึ้นมากกว่านี้อีกแล้ว"


ฤาษีรู้สึกยินดีในคำตอบของพระราชามาก จึงเสนอของขวัญชิ้นใหม่แก่พระองค์ทันที

"ถ้าอย่างนั้น หม่อมฉันจะท่องมนต์เพื่อเบิกทางนำพระองค์สู่สรวงสวรรค์ดีไหม พระองค์จะพบแต่ความสุขกายสบายใจเมื่อได้ไปอยู่ที่นั่น"

แต่พระราชาเองก็ทรงปฏิเสธทันทีเช่นกัน "โอ..อย่าทำเช่นนั้นเลยท่านฤาษี เราไม่อยากไปสวรรค์หรอก เพราะทุกวันนี้เราก็ได้อยู่ในสวรรค์ที่มีความสุขมากแล้ว"

ฤาษีไม่เข้าใจ พระราชาจึงทรงอธิบายว่า "เราเป็นพระราชา เมื่อเราปกครองบ้านเมืองให้ประชาชนของเรามีรอยยิ้ม มีเสียงหัวเราะ และอยู่กันอย่างมีความสุขแล้ว เมื่อนั้นตัวเราก็มีความสุขไม่ต่างจากการอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เลย เพราะฉะนั้นเราขออยู่ที่นี่กับประชาชนของเราเถิดนะท่านฤาษี"

ฤาษีซาบซึ้งในคำตรัสของพระราชาจนไม่อาจกลั้นน้ำตาไว้ได้

"พระองค์คือพระราชาผู้ยิ่งใหญ่โดยแท้ หม่อมฉันปลื้มปีติแทนประชาชนของพระองค์จริง ๆ" ฤาษีกล่าวสรรเสริญพระราชาด้วยความจริงใจ

"แม้พระองค์จะไม่รับของขวัญชิ้นใดจากหม่อมฉันเลย แต่หม่อมฉันก็จะมอบเมล็ดพันธุ์ดอกไม้ชนิดหนึ่งให้เป็นของขวัญแด่พระองค์"

"เมล็ดพันธุ์ดอกไม้อย่างนั้นหรือ" พระราชาทรงสนพระทัย ด้วยว่าพระองค์มีความรัก ความเมตตาอยู่ในพระทัย จึงทรงชื่นชอบดอกไม้เป็นพิเศษ

"ใช่แล้ว เมล็ดพันธุ์นี้เป็นเมล็ดพันธุ์วิเศษ เมื่อพระองค์ทรงปลูก มันจะงอกขึ้นมาเป็นดอกไม้แห่งความรัก ความเมตตา ใครก็ตามหากได้ดมกลิ่นดอกไม้ชนิดนี้ จิตใจของเขาก็จะถูกขัดเกลาให้เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก ความเมตตา และมีชีวิตอย่างเป็นสุขตลอดไป"

พระราชาทรงยินดีที่จะรับของขวัญชิ้นนี้ไว้ พระองค์ตรัสว่า

"ไม่มีของขวัญอะไรจะวิเศษเท่าเมล็ดพันธุ์นี้อีกแล้ว เราจะนำเมล็ดพันธุ์ของท่านไปหว่านให้ทั่วเมือง เพื่อให้ประชาชนของเราได้สูดดมกลิ่นแห่งความรักความเมตตาทุกวัน พวกเขาจะได้รักกัน มีความเมตตามอบให้กันและพบกับความสุขตลอดไป"

กล่าวจบพระราชาก็ขอบคุณฤาษีเป็นการใหญ่ ฤาษีให้พรแก่พระราชาและลากลับไปบำเพ็ญตบะในป่าใหญ่ดังเดิม

บทสรุปของผู้แต่ง

พระราชาที่เป็นพระราชาแท้จริงนั้นจะตระหนักถึงหน้าที่ที่แท้จริงของพระองค์อยู่ตลอดเวลา พระราชาที่แท้จริงจะทรงทราบว่าสวรรค์ให้พระองค์เกิดมาสูงส่งเพื่ออะไร..ไม่ใช่ทำตนให้มีอำนาจที่สุด ไม่ใช่เพื่อแสวงหาความมั่นคง และไม่ใช่เพื่อประกาศความยิ่งใหญ่ไปทั่วโลก แต่สวรรค์ให้พระองค์เป็นพระราชา เพื่อมอบความสุขให้แก่ประชาชนของพระองค์เอง

เราอาจจะไม่ได้เกิดมาสูงส่งเป็นถึงพระราชา แต่เราก็สามารถตระหนักในหน้าที่ของเราได้ และหน้าที่ของเราจะนำมาซึ่งของขวัญชิ้นสำคัญในชีวิต ตั้งคำถามบ่อย ๆ ว่าเราเกิดมาเพื่ออะไร เพื่อความยิ่งใหญ่เหนือคนอื่นโดยไม่รู้จักกับคนที่จริงใจกับเราสักคน เพื่อความร่ำรวยที่เมื่อตายไปเราก็ต้องทิ้งทั้งหมดไว้ข้างหลัง หรือมีชีวิตอย่างธรรมดา ๆ แต่เป็นเพื่อนสนิทกับความสุขไปตลอดทั้งชีวิต

ลองเลือกของขวัญสักชิ้นให้กับชีวิตของตัวเองดูสิ ..

/////////////////////

ขอขอบคุณสำนักพิมพ์ฟรีมายด์ที่เอื้อเฟื้อนิทานสอนใจดี ๆ ในชุดหนังสือนิทานสีขาวของ ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ

yengo หรือ buzzcity

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น