นิทานสอนใจ : ยอดเขายายกะตา
กบฝูงหนึ่งอาศัยอยู่ที่เชิงเขายายกะตา ตามตำนานของฝูงกบเหล่านี้เล่าว่า ยอดเขายายกะตาเป็นยอดเขาที่ศักดิ์สิทธิ์มากสำหรับกบ หากกบตัวใดสามารถปีนขึ้นไปถึงยอดเขายายกะตาได้ ก็จะพบกับความสุขสมบูรณ์ มีแมลงรสอร่อยกิน ไม่อดอยากไปจนตลอดชีวิตการเป็นกบ
แต่กระนั้นก็ตาม การปีนขึ้นเขาก็เป็นเรื่องยากมากสำหรับกบ ดังนั้นจึงยังไม่เคยมีกบตัวใดลองพิสูจน์ตำนานนี้ดูสักที แล้ววันหนึ่ง ฝูงกบเกิดนึกสนุกชวนกันแข่งขันปีนขึ้นยอดเขายายกะตา ใครไปถึงยอดเขาเป็นตัวแรก นอกจากจะเป็นสิริมงคลแก่ตนตามตำนานแล้ว ยังจะได้รับรางวัลสุดยอดกบจากเพื่อน ๆ อีกด้วย
เมื่อถึงเวลา กบทุกตัวก็เริ่มปีนขึ้นเขาพร้อมกัน กบตัวที่แข็งแรงกว่าสามารถแซงเพื่อนตัวอื่น ๆ ขึ้นไปอยู่แถวหน้าได้ แต่ปีนไปได้เพียงครึ่งทาง พวกมันก็เริ่มถอดใจ ทนความเหนื่อยล้า และความลำบากไม่ได้
"ข้าเหนื่อย ข้าไปไม่ไหวแล้ว" กบตัวที่แข็งแรงที่สุดว่า
"ข้าก็เหมือนกัน เมื่อยแข้งเมื่อยขาไปหมด อยากกลับบ้านเสียจริง" กบอีกตัวบอก ตัวอื่น ๆ จึงพากันเสริมเป็นการใหญ่
"นั่นน่ะสิ ยอดเขายายกะตาเป็นเพียงตำนาน ข้าไม่เชื่อหรอกว่าจะมีกบตัวไหนเคยปีนขึ้นไปถึง"
"บางทีอาจจะเป็นนิทานหลอกเด็กของพวกบรรพบุรุษที่ว่างจัดของเราก็ได้"
"อย่างนั้นก็กลับกันเถอะ เปลืองแรงเปล่า ๆ" กบตัวที่แข็งแรงที่สุดบอก แล้วทุก ๆ ตัวซึ่งเป็นกบที่อยู่แถวหน้าสุดก็หันหลังปีนลงเขาไป
เมื่อพวกกบที่อยู่ข้างหลังเห็นกบแถวหน้าปีนลงมาก็ถามด้วยความแปลกใจว่า
"อ้าว ลงมาทำไมน่ะเพื่อน"
กบตัวที่แข็งแรงที่สุดตอบว่า "ก็แล้วจะปีนขึ้นไปให้เสียแรงเสียเวลาสทำไมล่ะ อย่างไรก็ปีนไม่ถึงหรอก ยอดเขายายกะตาอยู่สูงลิ่วขนาดนั้น พวกกบอย่างเราจะมีทางไปถึงได้อย่างไร"
"แต่บรรพบุรุษของเราเคยไปถึงที่นั่นนะ" กบอีกตัวซึ่งอยู่แถวหลังแย้ง
"บรรพบุรุษหลอกเราเพื่อสร้างความเก่งกล้าให้ตัวเองน่ะสิ ทางแบบนี้จะมีใครปีนไปถึงได้ล่ะ ไม่มีทางหรอก" กบแถวหน้าอีกตัวโต้
พวกกบแถวหลังเมื่อเห็นกบแถวหน้าซึ่งมีความแข็งแรงมากยังพูดถึงขนาดนี้ก็ชักจะคล้อยตามไปโดยง่าย สุดท้ายพวกมันจึงชวนกันปีนตามลงมาด้วย
"กลับเถอะ พวกเราไม่มีทางปีนขึ้นไปได้หรอก เสียเวลาเปล่า ๆ" พวกกบที่ปีนลงเขาป่าวประกาศให้เพื่อน ๆ ที่กำลังปีนสวนทางขึ้นไปรู้ "ขนาดกบที่แข็งแรงที่สุดในฝูงยังปีนไม่ไหวเลย แล้วเราจะปีนได้อย่างไร กลับลงไปเถอะ"
พวกกบแถวหลัง ๆ ได้ฟังดังนั้นก็เชื่อสนิทใจคิดว่าทางข้างหน้าคงลำบากมาก และพวกตนคงไม่มีทางปีนขึ้นไปได้จริง ๆ จึงชักชวนกันกลับ ไม่ปีนขึ้นเขาอีกต่อไป
เมื่อกบทุกตัวปีนลงมา พวกมันก็สังเกตเห็นว่ามีสมาชิกในฝูงตัวหนึ่งหายไป
"ใครหายไปหนึ่งตัว" พวกกบร้องถามกันและกันด้วยความเป็นห่วงเพื่อน แล้วทันใดนั้นก็มีเสียงร้องตะโกนด้วยความดีใจดังลงมาจากยอดเขายายกะตาว่า
"ข้าถึงแล้ว! ข้ามาถึงแล้ว!"
กบที่อยู่เชิงเขามองขึ้นไปบนยอดเขายายกะตา แล้วพวกมันก็เห็นกบตัวหนึ่งกระโดดเริงร่าอยู่บนนั้น
"ข้ารู้แล้วว่า ทำไมที่นี่จึงมีชื่อว่า ยอดเขายายกะตา ก็เพราะมีรูปปั้นยายกะตาที่ใจดีอยู่บนนี้นี่เอง..ว่าแต่ทำไมเพื่อน ๆ ถึงลงไปกันหมดล่ะ..แต่ไม่เป็นไร ข้าจะขอพรจากรูปปั้นนี้ และขอเผื่อเพื่อน ๆ ด้วยก็แล้วกันนะ"
เหล่ากบมองหน้ากันด้วยความฉงน เหตุใดกบตัวนั้นจึงเอาชนะความยากลำบากปีนไปถึงยอดเขายายกะตาได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อกบตัวนั้นปีนลงมา พวกกบตัวอื่น ๆ ก็พากันเข้าไปแสดงความยินดีด้วยใจจริง และรุมถามข้อข้องใจเป็นการใหญ่
"ทำไมเจ้าถึงปีนไปถึงนั่นได้ล่ะเพื่อน เมื่อกบที่แข็งแรงบอกว่าเราไม่อาจขึ้นไปถึงบนนั้นได้ ทำไมเจ้าไม่เชื่อเล่า"
กบตัวนั้นได้แต่ยิ้มหน้าแฉล้ม
"ว่าอย่างไร ทำไมไม่ตอบ" เพื่อนกบถามอีก
กบตัวนั้นก็ยิ้มตอบเพื่อน ๆ อีก
"เอ๊ะ! เจ้านี่มันกวนเสียจริง" เพื่อนกบชักหงุดหงิดที่ไม่ได้คำตอบเสียที แต่แล้วกบตั้วนั้นก็พูดขึ้นมาว่า
"ดูเหมือนเพื่อนจะโกรธอะไรข้าสักอย่างนะ แต่อย่าได้โกรธไปเลย เพราะข้าหูหนวกมานานแล้ว ไม่ได้ยินที่เพื่อนพูดหรอก"
พวกกบได้ฟังดังนั้นก็เข้าใจทันทีว่า เหตุใดกบตัวนี้จึงปีนขึ้นไปถึงยอดเขายายกะตาได้ นั่นก็เพราะมันหูหนวกจึงไม่ได้รับฟังคำพูดของใครที่ทำให้ตนคิดท้อถอย สามารถปีนไปถึงยอดเขายายกะตา ได้รับพรจากรูปปั้นยายกะตา และได้รางวัลสุดยอดกบไปครองในที่สุด
บทสรุปของผู้แต่ง
หนึ่งในอุปสรรคที่ทำให้เราไม่ประสบความสำเร็จทั้ง ๆ ที่เห็นเป้าหมายของชีวิตอยู่ตรงหน้าแล้วก็คือ "การฟังคนอื่นมากเกินไป" นั่นเอง
เราอาจเป็นคนยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น ๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี แต่ก็ต้องแยกแยะให้ถูกด้วยว่า ความคิดเห็นอันไหนติเพื่อก่อ หรืออันไหนไม่มีประโยชน์ที่จะสนใจ เมื่อตั้งใจจะทำอะไรด้วยใจรัก และคิดไตร่ตรองดูแล้วว่า สิ่งนั้นทำให้ชีวิตของเรามีความสุข และไม่เบียดเบียนใคร เราก็จงตั้งใจทำให้บรรลุผลเถิด ถ้าเมื่อใดมีคำบ่นว่าอย่างไร้ประโยชน์ส่งมาถึงตัวก็ขอให้ทำเป็นหูหนวกเสีย ไม่อย่างนั้นเราจะเหน็ดเหนื่อยกับการไล่ตามความคิดของคนอื่น และสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองไปในที่สุด
อีกอย่างหนึ่ง เมื่อกลับบทบาทกัน และเราเป็นคนพูดถึงเป้าหมายในชีวิตของผู้อื่น ก็ขอให้พูดแสดงความคิดเห็นแต่ในข้อที่เป็นประโยชน์แก่เขา ให้กำลังใจเขา อย่าด่วนสรุปความคิดและเป้าหมายของเขาว่าเป็นเรื่องที่ใช้ไม่ได้ เพราะถ้าทำเช่นนั้น เราเองต่างหากที่เป็นคนใช้ไม่ได้ การทำลายความหวัง และความฝันของคนอื่น ไม่ต่างกับการฆ่าคนให้ตายทั้งเป็น ซึ่งเป็นเรื่องที่คนดี ๆ ไม่ทำกัน
///////////////
ขอขอบคุณสำนักพิมพ์ฟรีมายด์ที่เอื้อเฟื้อนิทานสอนใจดี ๆ ในชุดหนังสือนิทานสีขาวของ ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น