นิทานสอนใจ : ซาลาเปาในกล่องวิเศษ

นิทานสอนใจ : ซาลาเปาในกล่องวิเศษ


กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีครอบครัวฐานะยากจน แต่ละวันไม่มีอาหารเพียงพอให้ทุกคนรับประทาน ต้องทนอดมื้อกินมื้อตามยถากรรม แต่กระนั้นทุกคนในครอบครัวก็ไม่เคยประกอบพฤติกรรมไม่สุจริต พวกเขายอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตนเอง และมักปฏิบัติธรรม สวดมนต์ก่อนนอน รวมทั้งนั่งสมาธิเป็นประจำทุกวัน โดยพ่อแม่ของครอบครัวนี้จะอธิษฐานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อขอเพียงให้ลูก ๆ ของพวกเขามีอาหารรับประทานพออิ่มท้องไปวัน ๆ เท่านั้น

วันหนึ่งขณะที่ทุกคนในครอบครัวกำลังสวดมนต์กันอยู่นั้น พลันเกิดเหตุการณ์มหัศจรรย์ขึ้น ฑูตสวรรค์องค์หนึ่งก็ปรากฎกายต่อหน้าพวกเขาและมอบกล่องวิเศษกล่องหนึ่งให้แก่ผู้เป็นพ่อ พร้อมกับบอกว่า

"นี่คือกล่องวิเศษ ในกล่องนี้จะมีซาลาเปาอยู่สองลูกให้พวกเจ้า แต่มีข้อแม้ว่าพวกเจ้าจะต้องหยิบกินเพียงวันละหนึ่งลูกเท่านั้น ส่วนอีกลูกก็ให้อยู่ในกล่องเช่นเดิม ถ้าทำดังนี้พวกเจ้าจะไม่มีวันอดและมีซาลาเปากินไปตลอดชีวิต"

กล่าวจบฑูตสวรรค์ก็หายวับไป

ดังนั้นผู้เป็นพ่อจึงเปิดกล่องวิเศษออก และปฏิบัติตามคำของฑูตสวรรค์อย่างเคร่งครัด โดยเขาหยิบซาลาเปาออกมาจากกล่องวิเศษเพียงลูกเดียวเท่านั้นแล้วแบ่งให้ทุกคนในครอบครัวรับประทาน ซาลาเปาในกล่องวิเศษนี้รสชาติเลิศรสยิ่ง และน่าแปลกที่แม้ทุกคนจะได้รับประทานไปเพียงคนละนิดคนละหน่อย แต่แค่นั้นก็ทำให้พวกเขาอิ่มท้องได้ตลอดทั้งวัน

วันรุ่งขึ้นผู้เป็นพ่อก็เปิดกล่องวิเศษเพื่อกินซาลาเปาอีก ปรากฎว่ามีซาลาเปาอยู่ในกล่องวิเศษสองลูกเท่ากับเมื่อวาน เขาจึงหยิบซาลาเปาลูกหนึ่งมาแบ่งให้ทุกคนในครอบครัวรับประทานแล้วปิดฝากล่องวิเศษลงโดยไม่แตะต้องซาลาเปาอีกลูกเช่นเดิม

วันถัดมาซาลาเปาก็เพิ่มมาอีกหนึ่งลูกเช่นเดิม ผู้เป็นพ่อก็ทำทุกอย่างเหมือนเดิม เป็นเช่นนี้ไปทุกวัน ทำให้ครอบครัวนี้แม้จะไม่ได้ร่ำรวยขึ้น แต่ทุก ๆ คนก็ได้อิ่มท้องแลดูอ้วนท้วมสมบูรณ์ขึ้นจนเป็นที่สงสัยของชายเพื่อนบ้าน

ชายเพื่อนบ้านเฝ้าสังเกตครอบครัวยากจนอยู่นานก็ไม่เห็นว่าครอบครัวนี้มีทรัพย์สินอะไรที่น่าจะทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น แต่คนในบ้านกลับดูสมบูรณ์พูนสุขอย่างผิดหูผิดตา ในที่สุดเมื่อเก็บความสงสัยไว้ไม่ไหว ชายเพื่อนบ้านจึงไปสอบถามจากภรรยาของชายยากจนว่า

"ขอโทษเถอะพี่สาว ระยะหลังมานี้ข้าสังเกตเห็นว่าครอบครัวของท่านดูมีความสุขขึ้น และเด็ก ๆ ก็ไม่ร้องไห้เพราะความหิวโหยเหมือนแต่ก่อน แต่กลับออกมาวิ่งเล่นอย่างร่าเริงและดูจะอ้วนท้วมขึ้นทุกวัน ไม่ทราบว่าพวกท่านได้ไปประกอบอาชีพอะไรมาหรือ จึงทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้นเช่นนี้"

ด้วยความที่ครอบครัวนี้ปฏิบัติตนในศีลธรรมอันดีมาโดยตลอด ภรรยาชายยากจนจึงกล่าวตอบเพื่อนบ้านอย่างไม่คิดจะโกหกปิดบังว่า

"พวกเราหาได้ร่ำรวยเงินทอง และยังคงยากจนอยู่เช่นเดิม เพียงแต่บ้านของเราได้รับความเมตตาจากฑูตสวรรค์โดยท่านได้มอบกล่องวิเศษให้แก่บ้านเรา ในกล่องใบนั้นมีซาลาเปาอยู่สองลูก และเราจะหยิบมากินได้เพียงวันละหนึ่งลูกเท่านั้น"

"วันละหนึ่งลูก!" ชายเพื่อนบ้านร้องลั่น "แค่นั้นจะพอหรือ ในเมื่อบ้านของท่านมีคนอยู่ตั้งหลายคน"

"พอสิ แค่ซาลาเปาหนึ่งลูกนั้นก็ทำให้พวกเราอิ่มท้องและมีแรงทำงานได้ตลอดทั้งวัน แต่เราต้องหยิบมากินแค่วันละหนึ่งลูกนะ แล้ววันต่อไปซาลาเปาจะเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งลูก เป็นเช่นนี้เรื่อยไปโดยไม่มีวันหมด" ภรรยาชายยากจนบอกเล่าอย่างพาซื่อโดยไม่ได้สังเกตเห็นความละโมบที่ฉายชัดอยู่ในแววตาของชายข้างบ้านเลย

หลังจากวันนั้นกล่องวิเศษก็หายไปจากบ้านของครอบครัวยากจน ทุกคนในครอบครัวเสียใจมาก แต่ก็ไม่รู้จะตามไปเอาคืนจากที่ไหน พวกเขาจึงต้องทำใจยอมรับความอดอยากด้วยการสวดมนต์อธิษฐานขอให้มีอาหารประทังชีวิตอีกเช่นเดิม

ผ่านไปหลายวัน ฑูตสวรรค์ก็มาปรากฏกายอีกครั้ง พร้อมกับถามว่า

"เราให้กล่องวิเศษพวกเจ้าไปแล้ว ทำไมยังอดอยากกันอีก หรือพวกเจ้าไม่ทำตามที่เราบอก"

ชายผู้เป็นพ่อรีบตอบฑูตสวรรค์ว่า

"ข้าแต่ฑูตสวรรค์ พวกเราไม่กล้าฝืนคำสั่งของท่านหรอก เพียงแต่ที่เราต้องกลับมาอดอยากเช่นเดิมก็เพราะมีขโมยมาขโมยกล่องวิเศษที่ท่านมอบให้พวกเราไปน่ะขอรับ"

ฑูตสวรรค์นิ่งคิดครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นว่า

"เอาอย่างนี้ เราจะมองกล่องวิเศษให้เจ้าอีกหนึ่งใบ ทุกวันให้เจ้าปิดประตูหน้าต่างในบ้านให้หมด พร้อมกับลงกลอนให้แน่นหนา แต่ห้ามเปิดกล่องวิเศษใบนี้เด็ดขาดจนกว่าจะล่วงเข้าวันที่เจ็ด"

แล้วฑูตสวรรค์ก็มอบกล่องวิเศษใบใหม่ให้แก่ครอบครัวยากจน แล้วหายวับไป

ครอบครัวยากจนทำตามคำบอกของฑูตสวรรค์อย่างเคร่งครัด จนชายข้างบ้านรู้สึกผิดสังเกตอีก เขาจึงตะล่อมถามภรรยาแสนซื่อของชายยากจนอีกครั้ง

"ระยะห้าหกวันนี้ ข้าสังเกตบ้านท่านไม่ค่อยเปิดประตูหน้าต่างเลยนะ พวกท่านทำอะไรกันอยู่ในนั้นหรือ จึงต้องการความมิดชิดถึงเพียงนั้น"

ภรรยาชายยากจนก็ตอบโดยไม่ปิดบังอีกเช่นเคยว่า

"กล่องซาลาเปาวิเศษของเราถูกขโมยไป ฑูตสวรรค์จึงมอบกล่องวิเศษใบใหม่ให้บ้านเรา แต่พวกข้าก็ยังไม่รู้หรอกนะว่าข้างในเป็นอะไร เพราะฑูตสวรรค์กำชับให้เราปิดประตูหน้าต่าง และลงกลอนให้แน่นหนาไปจนถึงวันที่เจ็ดจึงจะเปิดกล่องออกดูได้ว่ามีสิ่งใดอยู่ในนั้น แต่พรุ่งนี้ก็จะครบเจ็ดวันแล้วล่ะ"

ได้ฟังดังนั้น ความละโมบก็กระโจนเข้าครอบงำจิตใจชายข้างบ้านอีก

"กล่องใบนั้นจะต้องเป็นของเรา...พรุ่งนี้เราจะกินซาลาเปาทั้งสองลูกในกล่องใบแรกให้หมด และเอากล่องเปล่า ๆ ไปสับเปลี่ยนกับกล่องวิเศษใบที่สองจากบ้านเจ้าคนยากจนพวกนั้น พวกมันจะได้ไม่สงสัย และนึกว่าฑูตสวรรค์เล่นตลกกับพวกมันเอง..ในกล่องใบที่สองคงมีเงินทองมากมายที่เพิ่มทุกวันไม่มีวันหมดดังเช่นกล่องซาลาเปาใบแรกอีกเป็นแน่"

ชายข้างบ้านคิดอย่างย่ามใจ

เช้ามืดอันเงียบสงัด ขณะที่ทุกคนกำลังหลับสบาย ชายข้างบ้านเปิดกล่องวิเศษใบแรกออกมาแล้วกินซาลาเปาสองลูกจนหมดโดยไม่แยแส เขาคิดว่ากล่องใบที่สองจะต้องให้อะไรกับเขามากกว่าซาลาเปาเพียงแค่สองลูก หลังจากนั้นก็ย่องไปที่บ้านของครอบครัวยากจนและงัดหน้าต่างเพื่อเข้าไปขโมยกล่องวิเศษใบที่สอง โดยนำกล่อวิเศษใบแรกไปสับเปลี่ยนด้วย

เมื่อได้กล่องวิเศษใบที่สองแล้ว ชายข้างบ้านก็รีบกลับมาที่บ้านของตนเอง เขาปิดประตูหน้าต่างทุกบานอย่างแน่นหนาที่สุด แล้วค่อย ๆ แง้มฝากล่องออกดูอย่างตื่นเต้น

ทันทีที่ฝากล่องถูกเปิดออก แมลงมีพิษมากมายก็พุ่งตัวออกมาและบินเข้าไปรุมกัดต่อยชายข้างบ้านอย่างเอาเป็นเอาตาย จนเขาวิ่งหนีออกจากบ้านแทบไม่ทัน ว่ากันว่าชายข้างบ้านจอมโลภคนนี้ถูกแมลงมีพิษไล่กัดต่อยไปจนสุดหล้าฟ้าเขียวและไม่มีใครเคยพบเห็นเขาอีกเลย

ฝ่ายครอบครัวยากจนนั้น เมื่อถึงเวลาเปิดฝากล่องออกก็พบซาลาเปาสองลูกอยู่ในกล่องเหมือนเดิม พวกเขาดีใจมากรีบสวดมนต์ขอบคุณฑูตสวรรค์เป็นการใหญ่ จากนั้นมาครอบครัวยากจนก็มีซาลาเปาในกล่องวิเศษที่ช่วยให้พวกเขาอิ่มท้องและมีความสุขตลอดมา

บทสรุปของผู้แต่ง

น่าแปลกใจที่ดูเหมือนว่ามนุษย์จะเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวในโลกนี้ที่ไม่รู้จักพอ เมื่อมีแล้วก็ต้องมีอีก เมื่อมีมากก็ต้องมีเพิ่ม เพราะฉะนั้นปัญหาที่สำคัญที่สุดของมนุษย์ก็คือความโลภ แต่ความโลภมิใช่คนผิด มนุษย์ต่างหากที่ผิดเพราะมีความโลภ ดังนั้น หลาย ๆ ครั้งความโลภก็สอนมนุษย์ด้วยบทเรียนที่แสนเจ็บแสบ ด้วยการทำให้มนุษย์ที่มีความโลภสูญสิ้นทุกอย่างจนไม่มีอะไรเหลืออีกเลยในชีวิต

/////////////

ขอขอบคุณสำนักพิมพ์ฟรีมายด์ที่เอื้อเฟื้อนิทานสอนใจดี ๆ ในชุดหนังสือนิทานสีขาวของ ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ

yengo หรือ buzzcity

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น