นิทานสอนใจ : 'เพชร' ที่หาได้จากโคลนในถิ่นสลัม

นิทานสอนใจ : 'เพชร' ที่หาได้จากโคลนในถิ่นสลัม


เล่าโดย...ท่านพุทธทาสภิกขุ แห่งสวนโมกขพลาราม

เรื่อง "เพชรที่หาได้จากโคลนในถิ่นสลัม" อาตมาต้องขอใช้คำอย่างนี้ เพราะไม่ทราบว่าจะใช้คำอย่างไรดี เรื่องนี้เล่าว่า อาจารย์แห่งหนึ่งนิกายเซ็น ชื่อ กูโด เป็นอาจารย์ของพระจักรพรรดิแห่งประเทศญี่ปุ่นในสมัยนั้น ท่านอาจารย์องค์นี้ชอบเที่ยวไปไหนคนเดียวโดดๆ อย่างนักบวชเร่ร่อนแบบปริพพาชก ไม่ค่อยได้อยู่กับวัดวาอาราม

ครั้งหนึ่งท่านเดินทางไปยังตำบลอีโด เพื่อประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่งของท่านที่จะมีแก่คนอื่น ท่านได้ผ่านตำบลๆ หนึ่ง เย็นวันนั้นฝนก็ตกลงมา ท่านจึงเปียกปอนไปหมด และร้องเท้าของท่านที่ใช้ เป็นรองเท้าทำด้วยฟาง เพราะนักบวชนิกายเซ็นใช้รองเท้าฟางถักทั้งนั้น เมื่อฝนตกตลอดวันรองเท้าก็ขาดยุ่ยไปหมด ท่านจึงเหลียวดูว่า จะมีอะไรที่ไหนจะแก้ปัญหาเหล่านี้ได้บ้าง ก็พบกระท่อมน้อยๆ แห่งหนึ่งในถิ่นใกล้ๆ นั้น เห็นมีร้องเท้าฟางแขวนอยู่ด้วย จึงคิดจะไปซื้อสักคู่หนึ่งมาใส่เพื่อเดินทางต่อไป แต่หญิงเจ้าของบ้านเธอถวายให้เลยไม่ต้องซื้อ และเมื่อเห็นว่าเปียกปอนมาก ก็ขอนิมนต์ให้หยุดอยู่ก่อน เพราะฝนตกจนค่ำ ท่านก็เลยต้องพักอยู่ที่บ้านนั้น ด้วยคำขอของหญิงเจ้าของบ้าน

หญิงเจ้าของบ้านเรียกเด็กๆ และญาติๆ มาสนทนาด้วย ท่านอาจารย์ได้สังเกตเห็นว่า สกุลนี้เป็นอยู่ด้วยความลำบาก ก็เลยขอร้องให้บอกตรงๆ โดยไม่ต้องเกรงใจว่าเรื่องมันเป็นอย่างไร หญิงเจ้าของบ้านก็บอกว่า

"สามีของดิฉันเป็นนักการพนัน แล้วก็ดื่มจัด ถ้าเผอิญเขาชนะ เขาก็ดื่มมันจนไม่มีอะไรเหลือ ถ้าเขาแพ้ ก็ยืมเงินคนอื่นมาเล่นอีก เพิ่มหนี้สินให้มากยิ่งขึ้น เขาไม่เคยมาบ้านเลย เป็นวันเป็นคืน หรือหลายวันหลายคืนก็ยังมี ดิฉันไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี"

ท่านอาจารย์กูโดก็บอกไปว่า ไม่ต้องหรอก ฉันจะช่วยทำ แล้วท่านก็กล่าวต่อว่า "นี่ฉันมีเงินมาบ้าง ช่วยซื้อเหล่าองุ่นมาให้เหยือกใหญ่ๆ แล้วก็อะไรๆ ที่ดีๆ ที่น่ากินเอาให้เพียงพอ จากนั้นเอามาวางที่นี่แล้วก็กลับไปทำงานตามเรื่องเถอะ ฉันจะนั่งอยู่ที่นี่ตรงหน้าที่บูชานี้ (หมายความว่าบ้านนี้มีหิ้งบูชา)"

เมื่อชายคนนั้นกลับมาบ้าน เวลาดึก เขาก็เมา เขาก็พูดตามประสาคนเมา นี่คำนี้หมายความว่ายังไง Hey! Wife ก็ต้องแปลว่า เมียโว้ย มาบ้านแล้วโว้ย มีอะไรกินบ้างโว้ย ตัวหนังสือเขาเป็นอย่างนี้ ซึ่งมันก็เหมือนๆ กับในเมืองไทยเรา ลองคิดดูว่าคนๆ นี้จะเป็นอย่างไร ฉะนั้นท่านกูโดท่านอาจารย์ที่นั่งที่หน้าหิ้งพระก็ออกรับหน้า บอกว่า ฉันได้มีทุกอย่างสำหรับท่าน เผอิญฉันมาติดฝนอยู่ที่นี่ ภรรยาของท่านขอร้องให้ฉันพักค้างฝนที่นี่ตลอดคืนนี้ ฉันก็ควรมีส่วนตอบแทนท่านบ้าง ฉะนั้นขอให้ท่านบริโภคสิ่งเหล่านั้นตามชอบใจ

ชายคนนั้นดีใจใหญ่ เพราะมีทั้งเหล้าองุ่น มีทั้งปลา มีทั้งอาหารต่างๆ เขาก็ดื่ม และรับประทานจนนอนหลับอยู่ข้างๆ เข่าของท่านอาจารย์กูโดที่นั่งสมาธิตลอดคืน ที่นี้พอตื่นขึ้นมาตอนเช้า ชายคนนั้นก็ลืมหมดไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร เพราะเมื่อคืนนี้เขาเมาเต็มที่ และถามว่า ท่านเป็นใคร และจะไปค้างไหน ท่านอาจารย์ก็ตอบว่า อ๋อ! อาตมาคือกูโด แห่งนครกโยโต (Kyoto เกียวโต) กำลังจะไปธุระที่ตำบลอิโด

ตามเรื่องที่ว่ามาแล้วเมื่อกี้ ถ้อยคำอย่างนี้มันประหลาดที่ว่า บางครั้งก็มีอิทธิพลมากมาย คือว่า ชายคนนั้นละอายจนที่จะรู้ว่าจะอยู่ตรงไหน จะแทรกแผ่นดินหนีไปที่ไหน ก็ทำไม่ไหว แทรกไปไม่ได้ มันละอายมากแล้วก็ขอโทษขอโพย ขอแล้วขออีกจนไม่รู้จะขออย่างไรต่ออาจารย์ของพระจักรพรรดิ ซึ่งจับพลัดจับผลูเข้ามาอยู่ที่บ้านเขา ท่านกูโดก็ยิ้มละไมอยู่เรื่อย และก็พูดขึ้นช้าๆ บอกว่า

"ทุกอย่างในชีวิตนี้มันเปลี่ยนแปลงเรื่อย เป็นกระแสไหลเชี่ยวไปทีเดียว และทั้งชีวิตนี้มันก็สั้นเหลือเกินด้วย ถ้ายังเล่นการพนัน และดื่มอยู่ดังนี้ ก็หมดเวลาที่จะทำอะไรอื่นให้เกิดขึ้น หรือสำเร็จได้ นอกจากทำตัวเองให้เป็นทุกข์แล้ว ก็จะทำให้ครอบครัวพลอยตกนรกทั้งเป็นกันไปด้วย"

ความรู้สึกอันนี้ได้ประทับใจนายคนนั้น มีอาการเหมือนกับว่า ตื่นขึ้นมาในโลกอื่น เหมือนกับตื่นขึ้นมาจากความฝัน ในที่สุดก็พูดกับท่านอาจารย์ว่า ที่ท่านอาจารย์กล่าวนั้นมันถูกหมดเลย มันถูกอย่างยิ่ง ถ้าอย่างไรก็ขอให้กระผมได้สนองพระคุณอาจารย์ในคำสั่งสอนที่ประเสริฐนี้ เพราะฉะนั้นขอให้กระผมออกติดตามท่านอาจารย์ ไปส่งท่านอาจารย์ในการเดินทางนี้ สักระยะหนึ่ง ท่านอาจารย์กูโดก็บอกว่าตามใจ

สองคนก็ออกเดินทางไปได้ประมาณสัก 3 ไมล์ ท่านอาจารย์ก็บอกว่า กลับเถอะ นายคนนี้ก็บอกขออีกสัก 5 ไมล์เถอะ คะยั้นคะยอขอไปอีก 5 ไมล์ แล้วก็ไปด้วยกันอีก พอครบ 5 ไมล์ อาจารย์คะยั้นคะยอให้กลับอีกว่า ถึงคราวที่จะต้องกลับแล้ว นายคนนั้นก็บอกว่าขออีกสัก 10 ไมล์เถอะ ในที่สุดก็ต้องยอม พอถึง 10 ไมล์ ท่านอาจารย์ก็คะยั้นคะยอให้กลับ เขาก็บอกว่า ขอตลอดชีวิตของผมเถอะ นี่เป็นอันว่า ไปกับท่านอาจารย์ไปเป็นนักบวชแห่งนิกายเซ็น ซึ่งต่อมาก็เป็นปรมาจารย์พุทธศาสนาแห่งนิกายเซ็นในญี่ปุ่น ซึ่งนิกายเซ็นทุกสาขาที่เหลืออยู่ในญี่ปุ่น ล้วนแต่เป็นลูกศิษย์ที่สืบมาจากอาจารย์องค์นี้องค์เดียว ท่านกลับตัวกลับใจชนิดที่เราเรียกกันว่า "เพชรที่พบจากโคลนในถิ่นสลัม"

เป็นอย่างไรบ้างก็ลองคิดดู ในประเทศญี่ปุ่นนายกรัฐมนตรีบางคนก็มาจากเด็กที่ขายเต้าหู้ หาบเต้าหู้ขายจนมีสตางค์ จนไปเป็นเด็กส่งหนังสือพิมพ์ จากเป็นเด็กส่งหนังสือพิมพ์ ก็เป็นนักเขียนหนังสือพิมพ์น้อยๆ สั้นๆ และเขื่องขึ้นๆ จนเป็นบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ที่มีชื่อเสียง และไปเป็นนายกรัฐมนตรีสมัยหนึ่งในที่สุด

นี่เราจะบอกกับเด็กๆ ตาดำๆ ของเราว่า เขาจะทำตัวให้เป็นเหมือนกับ "เพชรที่พบในโคลนจากถิ่นสลัม" ได้อย่างไร โดยมากเขามักจะขายตนเองเสียถูกๆ จนเป็นเหตุให้เขาวกไปหาความสุขทางเนื้อทางหนังต่ำๆ เตี้ยๆ ไม่น่าดูนั้น ก็เพราะว่าเขาเป็นเด็กที่ไม่เคารพตัวเอง ท้อถอยต่อการที่จะคิดว่ามันจะเป็นได้มากอย่างนี้

พระพุทธเจ้าท่านก็ยังตรัสว่า เกิดมาเป็นคนไม่ควรให้ตัวเอง "อัตตานัง นะ ทะเทยยะโปโส" แปลว่า เป็นลูกผู้ชาย เป็นบุรุษ ไม่ควรให้ซึ่งตน คำว่า "ให้ซึ่งตน" หมายความว่า ยกตนให้เสียแก่กิเลส หรือธรรมชาติฝ่ายต่ำ ไม่ได้คิดที่จะมีอะไรที่มั่นคง จริงจัง ข้อนี้เรียกว่า เราควรจะถือเป็นหลักจริยธรรมข้อหนึ่งด้วยเหมือนกัน

yengo หรือ buzzcity

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น